พี-51 มัสแตง (P-51 Mustang)
นอร์ทอเมริกันเอวิเอชัน พี-51 มัสแตง (อังกฤษ: North
American Aviation P-51 Mustang) เป็นเครื่องบินขับไล่และทิ้งระเบิดพิสัยไกลหนึ่งที่นั่งสัญชาติอเมริกาซึ่งถูกใช้ในสงครามโลกครั้งที่
2 สงครามเกาหลี และสงครามอื่นๆ
มันถูกออกแบบและสร้างโดยนอร์ทอเมริกันเอวิเอชันหรือเอ็นเอเอเพื่อตอบโจทย์ของกระทรวงการบินจากการสั่งซื้อของอังกฤษ
ลำตันแบบคือเอ็นเอ-73เอ็กซ์ที่สร้างเสร็จในวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2483
เป็นเวลา
102 วันหลังจากมีการเซ็นสัญญาและทำการบินครั้งแรกเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม
เดิมทีมัสแตงถูกออกแบบมาเพื่อใช้เครื่องยนต์อัลลิสัน วี-1710 ซึ่งมีความสูงที่จำกัดในการบิน
การบินครั้งแรกเกิดขึ้นโดยกองทัพอากาศอังกฤษเพื่อทำหน้าที่ลาดตระเวนทางอากาศและเป็นเครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิด
(มัสแตง มาร์ค 1) ต่อมามีการใช้เครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ เมอร์ลินในรุ่นพี-51บีและซีเพื่อให้มัสแตงสามารถบินได้ที่ความสูงเหนือ
15,000 ฟุต
ซึ่งทำให้มันบินได้ดีกว่าหรือเท่ากับเครื่องบินส่วนมากของกองทัพอากาศเยอรมนี รุ่นสุดท้ายคือพี-51ดีซึ่งมีเครื่องยนต์เป็นเครื่องแพคคาร์ด
วี-1650-7 เป็นเครื่องยนต์ดัดแปลงจากเครื่องยนต์โรลส์-รอยซ์ 60 ที่เป็นเครื่องยนต์ซูเปอร์ชาร์จเจอร์สองความเร็ว
และมีอาวุธเป็นปืนกลเอ็ม2 บราวนิงขนาด 12.7
มม.หกกระบอก
ตั้งแต่ปลายปีพ.ศ. 2486 พี-51บีถูกใช้โดยกองทัพอากาศที่ 8 ของสหรัฐอเมริกาเพื่อคุ้มกันเครื่องบินทิ้งระเบิดที่ต้องบินในน่านฟ้าของนาซีเยอรมนี
ในขณะที่กองทัพอากาศทางยุทธวิธีที่ 2 ของอังกฤษและกองทัพอากาศที่ 9 ของสหรัฐฯ
ใช้เครื่องบินมัสแตงเครื่องยนต์เมอร์ลินทำหน้าที่ทิ้งระเบิดและขับไล่
เป็นบทบาทที่เพิ่มความแน่นอนให้กับความเป็นเจ้าอากาศของฝ่ายสัมพันธมิตรในปีพ.ศ. 2487 พี-51 ยังทำหน้าที่ให้กับฝ่ายสัมพันธมิตรในการรบบริเวณแอฟริกาเหนือเหนือทะเลเมดิเตอร์เรเนียนและอิตาลี
นอกจากนี้ยังทำการรบกับจักรวรรดิญี่ปุ่นในมหาสมุทรแปซิฟิกอีกด้วย
ในสงครามโลกครั้งที่ 2 นักบินมัสแตงอ้างว่าได้ยิงเครื่องบินศัตรูตกไป 4,950 ลำ
เมื่อสงครามเกาหลีเริ่มต้นขึ้น
มัสแตงได้กลายเป็นเครื่องบินขับไล่ประเภทหลักของสหประชาชาติจนกระทั่งเครื่องบินขับไล่เครื่องยนต์ไอพ่น
เช่น นอร์ทอเมริกัน เอฟ-86 เซเบอร์เข้ามาทำหน้าที่แทน
จากนั้นมัสแตงก็กลายเป็นเครื่องบินขับไล่ทิ้งระเบิดแบบพิเศษ แม้ว่าเครื่องบินไอพ่นจะเข้ามาแทนที่แต่มัสแตงก็ยังคงประจำการในกองทัพอากาศในบางประเทศจนถึงต้นทษวรรษที่
2523 หลังจากสงครามโลกครั้งที่ 2 และสงครามเกาหลี
มัสแตงจำนวนมากถูกดัดแปลงให้ใช้โดยพลเรือน
โดยเฉพาะการแข่งขันทางอากาศและการบินแสดงในการแสดงเครื่องบินต่างๆ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น