เอ-10 ธันเดอร์โบลท์ (A-10 Thunderbolt)
เอ-10 เป็นเจ๊ตโจมตีแบบแรกของสหรัฐฯ ที่สนับสนุนหน่วยภาคพื้นดิน
โดยเฉพาะการปราบรถถัง ด้วยปืนกลขนาดใหญ่
เอ-10 สามารถบรรทุกอาวุธได้มาก
สามารถบินลาดตระเวณได้เป็นเวลานาน
มีความคล่องตัวสูงสามารถบินเข้าโจมตีด้วยอัตราเร็วต่ำ
มีเกราะป้องกันหัองนักบินเครื่องยนต์และระบบบังคับการบิน เดิมทีชื่อของเอ-10
มาจากพี-47 ธันเดอร์โบลท์ที่ใช้ในสงครามโลกครั้งที่
2 มันเป็นเครื่องบินรบที่ให้การสนับสนุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เอ-10 มีชื่อเล่นว่า"วอร์ธอง" (Warthog) หรือเรียกสั้นๆ
ว่า"ฮอค" (Hog) ภารกิจรองลงมาคือมันจะทำหน้าที่นำอากาศยานลำอื่นๆ
เข้าสู่เป้าหมายบนพื้นดิน เอ-10 ที่ทำหน้าที่ดังกล่าวเป็นหลักจะถูกเรียกว่าโอเอ-10
ประวัติการใช้งาน
หน่วยแรกที่ได้รับเอ-10 ธันเดอร์โบลท์ 2 คือฝูงบินที่ 355
ที่ประจำการอยู่ที่ฐานทัพอากาศเดวิส-มอนแธนในแอริโซนาเมื่อเดือนมีนาคมพ.ศ.
2519 หน่วยแรกที่ใช้มันเข้าทำการต่อสู้คือฝูงบินที่ 354 ที่ฐานทัพอากาศไมเทิล
บีชในเซาท์แคลิฟอร์เนียเมื่อพ.ศ. 2521
เอ-10 ธันเดอร์โบลท์ 2 กำลังยิงเอจีเอ็ม-65
ในตอนแรกนั้นเอ-10 ถูกต้อนรับไม่ค่อยดีนักจากมุมมองของคนใหญ่คนโตในกองทัพอากาศ
เมื่อผู้นำอาวุโสของกองทัพอากาศส่วนมากเพิ่มขึ้นมาจากสังคมของนักบินขับไล่
กองทัพอากาศชอบเครื่องเอฟ-15 อีเกิลและเอฟ-16 ไฟท์ติ้งฟอลคอนมากกว่าและดื้อดึงที่จะทิ้งงานสกปรกในการเข้าสนับสนุนระยะใกล้ให้กับเฮลิคอปเตอร์ของกองทัพบก
(การสร้างขีปนาวุธต่อต้านยานเกราะเอจีเอ็ม-114 เฮลไฟร์และเฮลิคอปเตอร์จู่โจมแบบเอเอช-64 อาพาชี่ทำให้กองทัพอากาศมีอากาศยานต่อต้านรถถัง)
การพยายามย้ายเอ-10 เข้ากองทัพบกและนาวิกโยธินถูกห้ามในตอนแรกและจากนั้นมันก็ถูกยอมรับด้วยความน่าประทับใจของมันในสงครามอ่าวเมื่อปีพ.ศ. 2534
เอ-10 ได้แสดงการรบครั้งแรกในสงครามอ่าวเมื่อพ.ศ. 2534
มันได้ทำลายรถถังอิรักมากกว่า
900 คัน พาหนะทางทหาร 2,000 คัน และปืนใหญ่ 1,200 แห่ง เอ-10
ได้ยิงเฮลิคอปเตอร์ของอิรักสองลำตกด้วยปืนจีเอยู-8 อเวนเจอร์[7] หนึ่งในนั้นเกิดขึ้นเมื่อวันที่
6 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2534 เมื่อร้อยเอกโรเบิร์ต
สเวนยิงเฮลิคอปเตอร์หนึ่งลำของอิรักตกเหนือคูเวต เอ-10 สี่ลำถูกยิงตกในสงครามซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นเพราะขีปนาวุธพื้นสู่อากาศ[25] เอ-10 มีภารกิจ 95.7%
บินอีก
8,100 เที่ยว และยิงขีปนาวุธเอจีเอ็ม-65 มาเวอร์ริกไป 90% ไม่นานหลังจากสงครามอ่าวกองทัพอากาศได้ล้มเลิกความคิดที่จะแทนที่เอ-10
ด้วยเอฟ-16
รุ่นใหม่
ในปีพ.ศ. 2533 เอ-10 หลายลำถูกเปลี่ยนให้ทำหน้าที่ควบคุมแนวหน้าทางอากาศและได้รับชื่อใหม่ว่าโอเอ-10
ในบทบาทนี้เอ-10
มักจะติดตั้งจรวดไฮดราขนาด
70 ม.ม. 6 ตำแหน่งซึ่งมักเป็นหัวรบควันหรือฟอสฟอรัสขาวเพื่อทำตำแหน่งของเป้าหมาย
โอเอ-10 ยังคงอยู่ในประจำการถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนชื่อไปก็ตามเอ-10เอของกองทัพอากาศในปฏิบัติการพายุทะเลทราย
เอ-10 ได้เข้าประจำการอีกครั้งในพ.ศ. 2542 ในสงครามโคโซโว ในสงครามอัฟกานิสถาน
ในปฏิบัติการอานาคอนดาในอัฟกานิสถานเมื่อเดือนมีนาคมพ.ศ. 2545 และในสงครามอิรักปีพ.ศ.
2546 ในอัฟกานิสถานเอ-10 ตั้งฐานอบู่ที่บาแกรม
ในวันที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2546 กองทัพอากาศสหรัฐฯ
ส่วนกลางได้ประกาศอย่างเปิดเผยถึงภารกิจทางอากาศในสงคราม มีเอ-10 จำนวนหกสิบลำถูกใช้ในอิรัก
มีหนึ่งลำถูกยิงตกใกล้กับสนามบินนานาชาติของแบกแดด ในเอ-10 ทั้งหมดที่ถูกวางพลมี
47 ลำเป็นเครื่องบินของกองกำลังป้องกันชาติและ 12 ลำมาจากกองกำลังสำรองของกองทัพอากาศ
เอ-10 ทำภารกิจ 80% ของสงครามและยิงกระสุนขนาด 30 ม.ม.ไป 311,597
นัด
เอ-10 ยังได้ทำภารกิจอีก 32 ภารกิจซึ่งได้ทิ้งใบปลิวประชาสัมพันธ์เหนืออิรัก
เอ-10 ลำใหม่มาถึงที่ฐานทัพอากาศเดวิส-มอนแธนเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน
พ.ศ. 2549เอ-10 ถูกวางกำลังครั้งแรกในอิรักในไตรมาสที่สามของปีพ.ศ. 2550 พร้อมกับฝูงบินที่
104 จากกองกำลังรักษาดินแดนของแมรี่แลนด์
เครื่องเจ็ทยังรวมทั้งการพัฒนาแบบใหม่มาด้วย ระบบดิจิตอลและการสื่อสารของเอ-10
ได้ลดเวลาในการเข้าโจมตีเป้าหมายลงไปมาก
เอ-10 ถูกกำหนดให้อยู่ในประจำการในกองทัพอากาศสหรัฐฯ จนกระทั่งปี 2571
และอาจต่อจากนั้น เมื่อมันอาจถูกแทนที่โดยเอฟ-35 ไลท์นิ่ง 1[10] เอ-10 ทั้งกองบินในปัจจุบันยังคงอยู่ภายใต้การพัฒนา
เอ-10 อาจอยู่ในกระจำการนานขึ้นเนื่องมาจากมันมีราคาถูกและความสามารถที่ไม่เหมือนใคร
อย่างปืนใหญ่ของมัน ความทนทาน และความสามารถในการบินเป็นเวลานาน
ที่มา : www.th.wikipedia.org/wiki/เอ-10_ธันเดอร์โบลท์_2
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น